28.5 C
Bangkok
Sunday, December 10, 2023

การปลูกหน่อไม้ฝรั่ง

หน่อไม้ฝรั่งเป็นพืชผักที่มีศักยภาพในการส่งออก มีแนวโน้มในการส่งออกที่ดีโดยเฉพาะการส่งออกผลผลิตสด และยังเป็นพืชผักทางเลือกอีกชนิดหนึ่งของเกษตรกรที่ให้ผลตอบแทนสูง โดยมีการส่งเสริมในรูปแบบครบวงจร เพาะปลูกมากในเขตจังหวัดนครปฐม ราชบุรีกาญจนบุรีโดยตลาดต่างประเทศที่สำคัญ คือ ประเทศญี่ปุ่น รองลงมาได้แก่ ตลาดยุโรป และตลาดในแถบเอเซีย

ปัจจัยที่สำคัญ

  1. การเตรียมเมล็ดพันธุ์
    ควรซื้อเมล็ดพันธุ์ที่ผลิตมาจากบริษัทเจ้าของพันธุ์ และซื้อกับบริษัทที่จำหน่ายเมล็ดพันธุ์ ซึ่งจะ สามารถปลูกได้ ประมาณ 2-4 ไร่ ใช้พื้นที่เพาะกล้าประมาณ 500-600 ตารางเมตร อย่างไรก็ตามในปัจจุบัน มีการใช้เทคนิคการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อในการผลิตต้นกล้าหน่อไม้ฝรั่ง เพื่อใช้ในการปลูก ซึ่งเป็นวิธีการที่ทำให้ ได้ต้นกล้าที่แข็งแรง ตรงตามพันธุ์ แต่มีข้อระวังคือต้องการคัดต้นพันธุ์ (Clone) ที่ดีเพื่อนำมาขยายพันธุ์ต่อ
    1. การเตรียมแปลงเพาะกล้า
      ควรเป็นที่โล่งแจ้ง ใกล้แหล่งน้ำ ไม่มีน้ำท่วมขัง มีความเป็นกรดเป็นด่างของดิน (pH) ประมาณ 6.5-7.0 ปราศจากวัชพืช ในการเพาะกล้าขนาด 1 ไร่ ให้เตรียมแปลงเพาะขนาด 1×10 เมตร จำนวน 8 แปลง ใส่ปุ๋ยอินทรีย์จำนวน 30 กิโลกรัม (ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักตามความเหมาะสม) และปูนขาว 1 กิโลกรัมต่อแปลงเพาะ คลุกเคล้าให้ทั่ว เกลี่ยดินบนแปลงให้เรียบและใช้ไม้ทำร่องลึก 1-2 เซนติเมตรตามแนวขวางของแปลง แต่ละร่องห่างกันประมาณ 20-25 เซนติเมตร
    2. วัสดุปรับปรุงดิน
      มีหลายชนิดขึ้นอยู่กับสภาพดินที่ใช้ในการเพาะกล้า ควรเลือกใช้ดังนี้
      3.1 ปุ๋ยอินทรีย์
      3.2 ปูนขาว
      3.3 สารสกัดจากธรรมชาติที่มีฤทธิ์กำจัดโรครา
      3.4 สารสกัดจากธรรมชาติที่มีฤทธิ์กำจัดแมลงซึ่งปลอดภัยต่อทั้งผู้บริโภคและผู้ปลูก
      3.5 แกลบ ฟาง
      3.6 บัวรดน้ำ
      3.7 อุปกรณ์การเตรียมแปลง จอบ คราด ไม้ปาดแปลง ไม้ชักร่อง

ขั้นตอนการดำเนินงาน

  1. การเพาะกล้าหน่อไม้ฝรั่ง
    นำเมล็ดมาหยอดลงในร่องที่เตรียมไว้จุดละ 1 เมล็ด ห่างกันประมาณ 10-15 เซนติเมตร กรณี มีมดหรือแมลงให้โรยทับด้วยปูนขาวบางๆ จากนั้นกลบดินในร่องบางๆ แล้วใช้ฟางคลุมทับบนแปลงหนาพอ ประมาณ ใช้สารสกัดจากธรรมชาติที่มีฤทธิ์ในการลดเชื้อราใส่บัวรดน้ำราดให้ทั่ว จากนั้นรดน้ำตามให้ชุ่ม ระยะแรกๆ ต้องรดน้ำให้บ่อยครั้ง อย่าปล่อยให้แปลงแห้งประมาณ 10-15 วัน ต้นกล้าจะเริ่มงอกเปิดฟาง ออกให้เหลือฟางเพียงบางๆ เพื่อให้ต้นกล้างอกสะดวก ในช่วงต้นการให้ปุ๋ยจะต้องให้อย่างต่อเนื่องทุกเดือน
    1. การย้ายกล้าหน่อไม้ฝรั่ง
      หลังจากที่กล้ามีอายุได้4-6 เดือน ต้นกล้าจะมีความแข็งแรง และมีอัตราการรอดตายสูง ก่อนย้ายต้องงดให้น้ำในแปลงกล้า 2 อาทิตย์ เพื่อให้รากมีความเหนียว ก่อนถึงวันกำหนดย้ายกล้า 2-3 วัน ควรให้น้ำเพื่อให้ดินอ่อนตัวจะได้ทำการขุดได้ง่าย ควรตัดลำต้นเหนือดินออกโดยเหลือความสูงไว้ประมาณ 15-20 เซนติเมตร ก่อนย้าย 1 วัน จะต้องให้น้ำในแปลงปลูกที่เตรียมไว้เพื่อให้ดินมีความชื้นเพียงพอ ใช้ระยะปลูกระหว่างต้นควรห่าง 50 เซนติเมตร ระหว่างแถวควรห่าง 120-150 เซนติเมตร
    2. การดูแลรักษา
      การให้น้ำ ควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ การให้น้ำต้นกล้าที่ย้ายลงแปลงใหญ่ โดยปกติจะให้น้ำ วันเว้นวัน หลังจากกล้าตั้งตัวได้แล้วให้ 3-5 วันต่อครั้ง โดยให้ดูความชื้นในดินประกอบด้วย
      การใส่ปุ๋ย ให้ใส่ปุ๋ยคอกรองพื้นปริมาณ 2-3 ตันต่อไร่ พร้อมทั้งใส่สารสกัดจากธรรมชาติ อย่างต่อเนื่องอีก 3 ระยะคือ
      • ระยะเจริญเติบโต หลังปลูก 1 เดือน
      • ระยะให้ผลผลิต ให้ใส่ปุ๋ยเพื่อให้หน่อไม้ฝรั่งสมบูรณ์ ไม่บานเร็ว
      • ระยะฟักตัว
        การไว้ต้นแม่เหนือดิน
        เมื่อต้นหน่อไม้ฝรั่งมีอายุมากขึ้น บริเวณกอจะแน่น ควรมีการตัดแต่งยอดและแต่งกิ่งแขนงต้น
        ออกบ้าง
        การทำราวค้ำต้น
        ควรทำราวค้ำต้น เมื่ออายุประมาณ 4 เดือนหลังย้ายปลูก โดยวัสดุที่ใช้ทำราวต้องแข็งแรงจำนวนชั้นของราวต้องเหมาะสมกับความสูงเพื่อค้ำต้นแม่
        การพรวนดิน ในช่วงแรกหลังจากย้ายปลูก ให้ทำการพรวนดินกลบโคน หลังจากนั้น ควรจะทำทุก 3-4 เดือนต่อครั้ง พร้อมกับการเติมปุ๋ยอินทรีย์
        การพักต้น เมื่อเริ่มเก็บผลผลิตหน่อไม้ฝรั่งอย่างต่อเนื่องประมาณ 60 วัน ผลผลิตจะเริ่มลดลง จำเป็นต้องตัดแต่ง และพักต้นไว้ พร้อมงดการเก็บเกี่ยวและการถอนแยกต้นแม่ทิ้งทั้งหมด รอให้ต้นใหม่งอกเป็นระยะเวลาประมาณ 30 วัน จึงเริ่มทำการเก็บเกี่ยวอีกครั้ง
    3. การเก็บเกี่ยวและการจัดการหลังการเก็บเกี่ยว
      เกษตรกรสามารถเก็บเกี่ยวได้หลังจากย้ายปลูกแล้ว 4-6 เดือน หน่อที่เก็บเกี่ยวได้ควรมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.8-1 เซนติเมตร ในปริมาณ 30% ของจำนวนต้นทั้งหมด ให้ทำการถอน โดยจับบริเวณโคนหน่อที่ติดกับดินในลักษณะที่ถนัดแล้วดึงหน่อขึ้นจากดิน แล้วรีบนำหน่อไม้ฝรั่งวางไว้ในที่ร่ม ไม่ตากแดดและมีอากาศถ่ายเทได้สะดวกทำความสะอาดโคนหน่อด้วยน้ำสะอาด แล้วนำหน่อไม้ฝรั่งมาเรียงให้ปลายหน่อเสมอกันและตัดส่วนโคนที่ยาวไม่เท่ากันออกด้วยมีดคมๆ หลังจากนั้นให้คัดเกรด แล้วรัดหน่อด้วยหนังยาง เรียงผลผลิตให้ตั้งยอดหน่อขึ้น เพื่อป้องกันหน่องอ บรรจุใช้ตะกร้าพลาสติกที่รองด้วยแผ่นฟองน้ำที่สะอาด คลุมด้วยผ้าขาวบางหรือฟองน้ำอีกชั้นด้านบน และขนส่งมายังจุดรวบรวมผลผลิตอย่างรวดเร็วผลผลิตหน่อไม้ฝรั่งที่มีคุณภาพ ควรมีลักษณะดังนี้
      1. หน่อตรง ไม่คดงอ หรือแคระแกร็น
      2. ปลายหน่อต้องแน่น ไม่บาน (ไม่มีช่อใบโผล่พ้นกาบหุ้มใบ)
      3. ความยาวของหน่อ 25 เซนติเมตร โดยมีส่วนเขียวไม่น้อยกว่า 19-25 เซนติเมตร (ขึ้นอยู่กับความเข้มงวดของการรับซื้อผลผลิตของแต่ละบริษัท ทั้งนี้ต้องคำนึงถึงขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของหน่อไม้ฝรั่งต้องเข้าเกณฑ์มาตรฐานด้วย)
      4. ขนาดของหน่อไม้ฝรั่งแต่ละเกรดมีความสม่ำเสมอ
      5. ต้องสะอาด ปราศจากโรคและแมลง

ต้นทุนและผลตอบแทน

ต้นทุนการผลิตเฉลี่ยปีที่ 1 35,000 บาทต่อไร่
ผลตอบแทนเฉลี่ย 33,000 บาทต่อไร่
ต้นทุนการผลิตเฉลี่ยปีที่ 2 เป็นต้นไป 53,000 บาทต่อไร่
ผลตอบแทนสุทธิเฉลี่ย 87,000 บาทต่อไร่

แหล่งข้อมูล :
กลุ่มส่งเสริมการผลิตผัก ส่วนส่งเสริมการผลิตผัก ไม้ดอกไม้ประดับและพืชสมุนไพร สำนักส่งเสริมและจัดการสินค้าเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร

Related Articles

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here

Stay Connected

0FansLike
0FollowersFollow
0SubscribersSubscribe
- Advertisement -

Latest Articles